อาการคันช่องคลอดหรือคันตรงบริเวณช่องคลอดข้างในสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกวัย ยิ่งผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทองโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด เนื่องจากวัยนี้เป็นวัยที่หมดประจำเดือนแล้วทำให้ฮอร์โมนเพศลดลง ส่งผลให้ช่องคลอดแห้งและเกิดอาการคัน สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดนั้นมาจากอะไร และจะมีวิธีรักษาป้องกันด้วยวิธีไหนมาศึกษาทำความเข้าใจไปด้วยกันเลยดีกว่า
คันช่องคลอด เกิดจากอะไร
อาการคันช่องคลอดเกิดจากความไม่สมดุลกันระหว่างความเป็นกรดและเป็นด่างภายในช่องคลอด หรืออาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้
1. อาการคันช่องคลอดแบบติดเชื้อ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อในช่องคลอดจะมีอาการคันทั้งภายในและภายนอกอวัยวะเพศ โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อชนิดต่างๆ เช่น
- ติดเชื้อราที่เป็นสาเหตุของอาการคันในช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง 3 ใน 4 คนผู้ป่วยจะมีอาการคันอย่างรุนแรงและมีตกขาวร่วมด้วย
- ติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการคันปัสสาวะและรู้สึกแสบ รวมถึงมีอาการตกขาวร่วมด้วย
- ติดโปรโตซัว ทำให้เป็นโรคพยาธิในช่องคลอดจะมีอาการคันที่รุนแรงและมีจุดแดงบริเวณช่องคลอดและมีตกขาวออกเป็นสีเขียว
- ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่นโรคหนองในแท้ และโรคหนองในเทียม
2. คันช่องคลอดจากโรคผิวหนัง
คันช่องคลอดจากโรคผิวหนังเช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน มะเร็งปากช่องคลอด และโรคหิด
3. คันช่องคลอดแบบไม่ติดเชื้อ
ผู้ป่วยจะมีอาการคันภายนอก โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการแพ้ หรือใส่กางเกงฟิตจนเกินไป รวมถึงเกิดจากความเครียดได้ด้วย
อาการแบบไหนต้องไปพบแพทย์
หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากโดยเฉพาะภายในช่องคลอด เกิดมีอาการบวมแดง หรือตกขาวมีลักษณะผิดปกติรู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
วิธีการรักษาอาการคันในช่องคลอด
สำหรับการรักษาอาการคันในช่องคลอดสามารถรักษาอาการคันด้วยยาที่แต่ก็ขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์ซึ่งผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามาทาหรือกินเองโดยยาที่ใช้ในการรักษาก็จะมีกลุ่มยาดังต่อไปนี้
- ยารับประทานเช่น ยาในกลุ่มเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) และคลินดามัยซิน (Clindamycin) ใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อ
- ยาทาภายนอกเช่น ยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ไทโอโคนาโซล (Tioconazole) ใช้ทาเพื่อบรรเทาอาการคันที่เกิดจากการติดเชื้อรา
- ยาเหน็บช่องคลอด เป็นยาใช้สอดเข้าไปในช่องคลอด โดยจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และออกฤทธิ์ช่วยรักษาอาการคันโดยตรง
การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการคัน
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการคันในช่องคลอดควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้ตรงจุดและทำตามคำแนะนำแพทอย่างถูกต้องและเหมาะสมและควรดูแลตัวเองเมื่อมีอาการคันดังนี้
- ทำความสะอาดภายนอกด้วยน้ำเปล่าที่สะอาดและใช้สบู่ที่อ่อนโยนสวนล้าง
- หากใช้ยาเหน็บควรล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
- ไม่ควรเกาบริเวณที่มีอาการคัน
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายดี
- เลือกสวมใส่กางเกงและกางเกงชั้นในที่ใส่สบายไม่รัดแน่น
- หลังทำความสะอาดช่องคลอดแล้วควรเช็ดให้แห้ง
ป้องกันได้อย่างไรบ้าง
อาการคันช่องคลอดสามารถป้องกันด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่สวมใส่กางเกงชั้นในที่รัดแน่นจนเกินไป
- ไม่ใช้ของร่วมกับคนอื่น เช่นกางเกงในและผ้าเช็ดตัว
- ไม่สวนล้างช่องคลอดโดยไม่จำเป็นเพราะอาจจะเป็นการทำลายแบคทีเรียชนิดดี
- ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากอุจจาระ
- หลังทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นควรรีบเช็ดให้แห้ง
- หากเข้าห้องน้ำในที่สาธารณะ ต้องทำความสะอาดให้ดี
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
- ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
- หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน
อาการคันช่องคลอดเกิดมาจากหลายสาเหตุ และอาการคันช่องคลอดก็ทำให้เกิดความรำคาญและหงุดหงิดเนื่องจากเป็นคันจากข้างในไม่สามารถที่จะเกาได้ หากมีอาการคันสิ่งที่ไม่ควรทำคือไม่ควรซื้อยามารับประทานหรือหายาทาเองเพราะจะทำให้เป็นอันตรายได้ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธีจะมีความปลอดภัยมากกว่า