วันเสาร์, 6 เมษายน 2567

4 สัญญาณของร่างกายที่บอกว่าคุณแพ้แอลกอฮอล์

4 สัญญาณของร่างกายที่บอกว่าคุณแพ้แอลกอฮอล์

เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกถึงอาการบางอย่างหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปในงานปาร์ตี้ แต่มีคนไม่กี่คนที่จริงๆแล้วตัวเองแพ้แอลกอฮอล์แต่กลับไม่รู้ตัว  อาการแพ้นั้นหมายความว่าจะไม่สามารถดื่มได้มากเท่าที่คนอื่นทำได้ แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นเพราะโรคภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามอาการที่แสดงของการแพ้แอลกอฮอล์ไม่รวมถึงความรู้สึกไม่สบายหลังจากที่ดื่มมากเกินไป

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่จะมีข้อที่สังเกตได้ ดังนี้

  1. ปวดท้อง

ในขณะที่การดื่มเครื่องดื่มมากเกินไปอาจทำให้คุณปวดท้องได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าคุณมีอาการแพ้แอลกอฮอลด์ คุณอาจจะมีอาการคลื่นไส้และตะคริวที่รุนแรงเพิ่มเข้ามาด้วยนี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเครื่องดื่มที่คุณเพิ่งกินเข้าไปซึ่งจะทำให้ร่างกายของคุณแย่ลงอย่างรุนแรง หากคุณพบอาการเหล่านี้หลังจากดื่มอาจเป็นสัญญาณว่าคุณเป็นโรคภูมิแพ้แอลกอฮอล์นั่นเอง

  1. ใบหน้าของคุณเริ่มบวม

นักดื่มแอลกอฮอล์ตัวยงบางคนอาจบอกคุณได้ว่าการตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมาด้วยใบหน้าที่บวมเป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ปกติสำหรับ ปาก จมูก หรือ คอ ที่จะบวมหลังจากดื่ม เช่น เดียวกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ อาการบวมนั้นค่อนข้างพบได้บ่อยในระหว่างการทำปฏิกิริยากับร่างกาย ดังนั้น หากคุณพบว่าคุณมีอาการบวมหลังจากดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เป็นไปได้สูงว่าคุณอาจมีอาการแพ้แอลกอฮอล์

  1. เกิดเป็นลมพิษ

แพทย์เชื่อว่าโดยปกติแล้วเมื่อมีคนแพ้แอลกอฮอล์ก็เพราะพวกเขาจะแพ้ซัลไฟต์ที่พบในแอลกอฮอล์ ปฏิกิริยาการแพ้ซัลไฟต์ทั่วไปที่แสดงออกมาคือการเป็นลมพิษ เมื่อคุณสังเกตเห็นลมพิษก็อย่าลืมจดบันทึกว่ามีอาการคัน เจ็บ หรือแดงหรือไม่ ความแตกต่างมีความสำคัญและคุณควรจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์

  1. อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น

นี่คือวิธีที่ร่างกายของคุณบอกให้คุณรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ใครก็ตามที่เป็นโรคภูมิแพ้ทุกชนิดจะเกิดปฏิกิริยาอัตราการเต้นของหัวใจที่จะเพิ่มสูงขึ้นและอุณหภูมิของร่างกายของคุณก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน หากคุณสังเกตเห็นว่าทันทีที่คุณดื่มแล้วหัวใจเต้นแรงมากและร่างกายร้อนขึ้นผิดปกติอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำกับร่างกายของคุณ

นี่คือสัญญาณเบื้องต้นที่คนที่แพ้แอลกอฮอล์ส่วนใหญ่มักจะต้องพบเจอหากว่าคุณกำลังมีปัญหาเหล่านี้อยู่ก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องหลีกเลี่ยงหรือดื่มให้น้อยลงแล้ว และนอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องดื่มและอาหารชนิดอื่นเช่นกันที่จะต้องคอยสังเกตดูว่าหลังจากกินเข้าไปแล้วมีผลอะไรที่ผิดปกติตามมากับร่างกายหรือไม่นี่คือเรื่องที่สำคัญมากซึ่งไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด